ค่าเสียหายส่วนแรกคืออะไร จ่ายตอนไหน

     หลายคนที่ทำประกันรถยนต์อาจจะต้องเคยได้ยินคำว่า ค่าเสียหายส่วนแรก กันมาแล้วบ้าง ซึ่งค่าเสียหายส่วนแรกนั้นแบ่งได้เป็น 2 ประเภท และแต่ละประเภทนั้นมีเงื่อนไขการจ่ายที่แตกต่างกันอีกด้วย วันนี้พี่หมี TQM เลยมีข้อมูลเกี่ยวกับ ค่าเสียหายส่วนแรกคืออะไร แล้วต้องจ่ายตอนไหน เอามาฝากเพื่อนๆ กันครับ

ค่าเสียหายส่วนแรกคืออะไร ต้องจ่ายตอนไหน

     ค่าเสียหายส่วนแรก คือจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายเพิ่มให้กับบริษัทประกันภัยตามที่ คปภ. กำหนด เพื่อป้องกันกรณีแจ้งเคลมซ่อมรถโดยไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริง หรือจากการขับรถประมาท นั่นแบ่งได้ 2 ประเภทคือ ค่าเอ็กเซส (Excess) และ ค่าดีดักทิเบิ้ล (Deductible) ซึ่งทั้งสองแบบนี้ก็มีลักษณะที่แตกต่างกันไปอีก

ค่าเอ็กเซส (Excess)

     คือ ค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับเกิดขึ้นเฉพาะกับการเคลมประกันภัยชั้น 1 เป็นค่าเสียหายส่วนแรกของผู้เอาประกันภัยที่จะต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันเมื่อต้องการนำรถเข้าซ่อมศูนย์ หรืออู่ โดยจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเริ่มต้นที่ 1,000 บาท/เหตุการณ์ ในกรณีที่ผู้เอาประกันแจ้งเคลมอุบัติเหตุรถชนไม่ทราบคู่กรณี ไม่สามารถแจ้งรายละเอียดคู่กรณีได้ หรือเราประมาทเอง หรือมีสาเหตุที่ไม่ชัดเจน เช่นรถถูกกรีดจากของมีคม , ยางรถระเบิดจากการเหยียบของมีคม อย่างตะปู เศษแก้ว รถไถลลงข้างทาง โดนยางมะตอยบนถนน เป็นต้น

ค่าดีดักทิเบิ้ล (Deductible)

     คือ ค่าเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันยินยอมจ่ายให้กับบริษัทประกันด้วยความสมัครใจในกรณีเกิดอุบัติเหตุ และต้องการเคลมรถเรา โดยที่เป็นฝ่ายผิด และมีคู่กรณี  ตามข้อตกลงในกรมธรรม์ โดยจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกอยู่ที่ 2,000-5,000 บาท แต่หากเราเป็นฝ่ายถูก ก็จะไม่ต้องเสียค่าดีดักทิเบิ้ลนี้เลย ทั้งนี้ค่าดีดักทิเบิ้ล ยังสามารถเอาไปลดค่าเบี้ยประกันได้อีกด้วย

     และนี่ก็เป็นรายละเอียดแบบคร่าวๆ เกี่ยวกับค่าเสียหายส่วนแรกที่พี่หมีได้นำมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งค่าเสียหายส่วนแรกแต่ละประเภทนั้นจะมีความต่างกัน ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำประกันรถยนต์ ก็อย่าลืมศึกษาข้อมูลส่วนนี้ให้ดีด้วยนะครับ และหากใครกำลังมองหา ประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้ดูแลคุ้มครองรถคุณ ที่ TQM สามารถให้คุณ เปรียบเทียบราคาประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ได้ด้วยตัวเอง เพื่อได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าตรงใจคุณ คลิกเลยที่นี่  หรือโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1737 ตลอด 24 ชั่วโมง

 READ MORE :